.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดในวันพุธ (27 มี.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด

 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,760.08 จุด เพิ่มขึ้น 477.75 จุด หรือ +1.22%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,248.49 จุด เพิ่มขึ้น 44.91 จุด หรือ +0.86% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,399.52 จุด เพิ่มขึ้น 83.82 จุด หรือ +0.51%

 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.19% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นดีดตัวขึ้นเป็นวงกว้าง โดยหุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย พุ่งขึ้น 2.75% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้น 2.42% และดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 1.6%

 

นักวิเคราะห์จากบริษัท UBS Wealth Management กล่าวว่า การคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์แลนดิ้ง และความหวังที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด

 

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 70.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 59.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว

 

หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค บริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 4.96% ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนีดาวโจนส์ หลังจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ให้การอนุมัติยา “Winrevair” ของบริษัทเมอร์ค เพื่อใช้ในการรักษาโรคความดันเลือดในปอดสูง (Pulmonary Arterial Hypertension – PAH)

 

หุ้นทรัมป์ มีเดีย แอนด์ เทคโนโลยี กรุ๊ป คอร์ป (Trump Media & Technology Group Corp – TMTG) พุ่งขึ้น 14.19% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากนำหุ้นเข้าเทรดในดัชนี Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ DJT เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

 

หุ้นเกมสต็อป (GameStop) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังของสหรัฐ ร่วงลงกว่า 15% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ลดลงในไตรมาส 4/2566 และประกาศปลดพนักงานเพื่อลดต้นทุน

 

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้อย่างใกล้ชิด โดยดัชนี PCE เป็นข้อมูลเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

 

นอกจากนี้ นักลงทุนยังติดตามการแสดงความเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงนายคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ หนึ่งในสมาชิกบอร์ดผู้ว่าการเฟดซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งรัฐนิวยอร์กในวันนี้

 

ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดฉากการซื้อขายเดือนมี.ค. และไตรมาส 1/2567 ในสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นจะทำการซื้อขายในวันนี้ (28 มี.ค.) เป็นวันสุดท้ายของเดือนนี้ ก่อนที่จะปิดทำการในวันศุกร์ (29 มี.ค.) เนื่องในวัน Good Friday

 

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์