วิกฤตภาคธนาคาร อาจส่งผลให้เฟดชะลอการขึ้นดอกเบี้ย

Gold Bullish

  • ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
  • ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ ได้แก่ สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ทวีความรุนแรงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและจีน
  • หนี้สหรัฐชนเพดานที่ระดับ 4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
  • ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
  • การชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

Gold Bearish

  • การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น

ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคารได้ส่งผลให้มีแรงซื้อทองคำเข้ามาในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นแรงมาก สู่ระดับสูงสุดที่ 1,988 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือน และนับว่าปรับตัวขึ้นแรงกว่า 6.47% ภายใน 1 สัปดาห์ โดยในช่วงต้นสัปดาห์นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการล้มละลายของธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) แม้ว่าประธานเฟดได้มีการแถลงร่วมกับนางเจเน็ต เยลเลน และนายมาร์ติน กรุนเบิร์ก ประธาน FDIC โดยจะตั้งโครงการ “Bank Term Funding Program” ซึ่งให้ประชาชนที่ฝากเงินไว้สามารถเข้าถึงเงินของตนได้เต็มจำนวน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้ประชาชน แต่นักลงทุนยังคงไม่คลายความกังวลมากนัก เนื่องจากยังคงมีความกังวลว่าวิกฤตธนาคารล้มครั้งใหญ่นี้จะลามไปเหมือนเช่นวิกฤตเมื่อปี 2551 หรือไม่?  และยังมีบริษัทหรือสถาบันการเงินที่ไหนบ้างที่เกี่ยวข้องกับธนาคาร SVB หรือจะเกิดกรณีเหมือนเช่นธนาคาร SVB อีก

.

หากพิจารณาเพียงธนาคาร SVB มันอาจไม่ได้มีผลกระทบมากเท่ากรณี LEHMAN BROTHERS ที่ล้มละลายไปเมื่อปี 2551 เนื่องจากขนาดธนาคาร SVB ค่อนข้างเล็กกว่า  ซึ่งอย่าง LEHMAN BROTHERS ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลกที่ดำเนินการมากกว่า 150 ปี และยังเคยได้รับการจัดอันดับจากนิตรสารฟอร์จูนให้เป็นองค์กรที่มีความมั่นคงสูงสุดในปี 2007 แต่ความผิดพลาดของ  LEHMAN BROTHERS คือการกู้เงินมาลงทุนถึง 44 เท่า นั่นหมายถึง เงินสดน้อยมาก ซึ่งนำเงินไปลงทุนตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เติบโตสุดขีดขณะนั้น แต่ธนาคาร SVB ก่อนหน้านี้ยังมีเงินสดและสินทรัพย์เยอะมาก และลงทุนสินทรัพย์ที่ปลอดภัยมากอย่างพันธบัตร แต่ปัญหาการล้มละลายเกิดจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดกระทบธุรกิจ Startup  ทำให้เกิดการถอนเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ

.

ธนาคารจึงเริ่มขาดสภาพคล่อง และต้องขายพันบัตรเพื่อมาเสริมสภาพคล่อง โดยประกาศว่าขายพันธบัตรออกไป 21,000 ล้าน แล้วทำให้ขาดทุน 1,800 ล้าน เพื่อที่จะชดเชยการขาดทุนที่เกิดขึ้นจึงขอเพิ่มทุน 2,250 ล้าน คิดเป็นแค่ 10% เท่านั้น แต่ปัญหาหลักคือคนเริ่มขาดความเชื่อมั่น และมองว่าอาจมีขาดทุนที่ยังไม่บุ๊คอีก 15,000 ล้าน จนทำให้คนแห่ถอนเงินออกวันเดียว 42,000 ล้าน ทั้งนี้ธนาคาร SVB  ยังเป็น Sector เฉพาะกว่า ซึ่งอาจกระทบต่อธุรกิจ Startup  และธุรกิจเทคโนโลยี โดยเฉพาะธุรกิจเทคโนโลยีรายย่อยมากกว่ารายใหญ่  การดำเนินการของเฟดอาจเรียกความเชื่อมั่นได้ระดับหนึ่ง การดำเนินการที่เร็วของเฟดต่อวิกฤตินี้ มีความแตกต่างกับตอนปี 2551 ที่เฟดกว่าจะเข้ามาจัดการได้ช้ากว่ามาก จนทำให้วิกฤตในปี 2551 ลุกลามขึ้น

.

แต่วิกฤตภาคธนาคารก็ยังสร้างความกังวลอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ธนาคาร FRB ดิ่งอย่างหนัก ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กประกาศระงับการซื้อขายต่อมาในคืนวันจันทร์ และตามมาด้วยธนาคารเครดิต สวิส ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ก็กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน แม้ว่าธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ประกาศให้การสนับสนุนทางการเงินต่อธนาคารเครดิต สวิส แต่มาตรการดังกล่าวก็อาจยังไม่เพียงพอให้ธนาคารเครดิต สวิสหลุดจากปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตามในที่สุดธนาคารยูบีเอสได้บรรลุดีลเข้าซื้อธนาคารเครดิต สวิสมูลค่า 3 หมื่นล้านสวิสฟรังก์ ส่วนธนาคาร FRB ได้มีธนาคารรายใหญ่ต่างอัดฉีดเม็ดเงินรวมกันถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ซึ่งถือว่าเป็นเพียงช่วยพยุงฐานะการเงินของธนาคารชั่วคราว ส่งผลทำให้นักลงทุนยังคงมีความกังวลต่อเนื่อง ทำให้ยังคงมีแรงซื้อทองคำมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความกังวลล่าสุดที่ SVB Financial Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ ได้ยื่นเรื่องต่อศาลนิวยอร์กเพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย

.

ปัญหาวิกฤตภาคธนาคารที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ระดับ 4.75%-5.00% แต่สิ่งที่น่าจับตามองมากกว่านั้น คือเฟดจะตัดสินใจอย่างไรต่อการดำเนินนโยบายการเงินในอนาคต เฟดจะยุติวงจรการขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่? แล้วเงินเฟ้อจากที่เริ่มชะลอตัวลงมานับตั้งแต่กลางปีที่แล้ว และชะลอตัวลงมาอย่างต่อเนื่องนั้น จะมีแนวโน้มที่จะเริ่มปรับตัวขึ้นอีกหรือไม่? รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหนี้สาธารณะสหรัฐที่ทะลุเพดานนี้ไปแล้วที่ระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งก่อนหน้านี้คาดว่าเงินจะหมดในเดือนมิ.ย. และแน่นอนต้องปรับขยายเพดานหนี้แน่นอน การพิมเงินเพื่อเข้ามาช่วยภาคธนาคารต่าง ๆ ก็ยิ่งทำให้สหรัฐเป็นหนี้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

สัปดาห์นี้ราคาทองคำคาดว่าปรับตัวขึ้นได้ต่อ 

คาดว่าราคาทองคำจะทดสอบ 2,000 ดอลลาร์

แนะนำเข้าซื้อทองคำ บริเวณราคา 1,960 ดอลลาร์

ดาวน์โหลดเอกสาร